ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งและคดีอาญาเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 ดังต่อไปนี้
(1) คดีอาญาเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ และสิทธิบัตร
(2) คดีอาญาเกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271 ถึงมาตรา 275
(3) คดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และคดีพิพาทตามสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ
(4) คดีแพ่งอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271 ถึงมาตรา 275
(5) คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงินระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัยและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง
(6) คดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ออกเกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมตาม (5) การส่งเงินเข้ามาในราชอาณาจักรหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ทรัสต์รีซีท รวมทั้งการประกันเกี่ยวกับกิจการดังกล่าว
(7) คดีแพ่งเกี่ยวกับการกักเรือ
(8) คดีแพ่งเกี่ยวกับการทุ่มตลาด และการอุดหนุนสินค้าหรือการให้บริการจากต่างประเทศ
(9) คดีแพ่งหรือคดีอาญาที่เกี่ยวกับข้อพิพาทในการออกแบบวงจรรวม การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ชื่อทางการค้า ชื่อทางภูมิศาสตร์ที่แสดงถึงแหล่งกำเนิดของสินค้า ความลับทางการค้า และการคุ้มครองพันธุ์พืช
(10) คดีแพ่งหรือคดีอาญาที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(11) คดีแพ่งเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาทตาม (3) ถึง (10)
กรณีศึกษาการจะลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 110(1) ได้ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า “จำเลยรู้” ว่าสินค้าที่ตนมีไว้เพื่อจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายนั้น เป็นสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร ซึ่งเป็น “องค์ประกอบเจตนา” ที่เป็นสาระสำคัญของความผิด คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2567 ตามกฎหมายและมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง ป.วิ.อ. ม. 227 วรรคสอง ,พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ม. 110 (1) ,พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 ม. 40 วรรคสอง
ผลของคำพิพากษาศาลฎีกา พยานหลักฐานของโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยรู้หรือไม่ว่าสินค้าของกลางเป็นของปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องจำเลย แต่ให้ริบของกลาง
กรณีศึกษาการพิจารณาออกสิทธิบัตรกรรมวิธีที่คิดค้นขึ้นอันเป็นผลให้ได้มาซึ่งผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติ เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขการประดิษฐ์พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 3, 5 “การนำธรรมชาติมาใช้” ต้องมีความแปลกใหม่และมีขั้นตอนทางเทคนิคที่พิเศษ จึงจะได้รับความคุ้มครอง หากกรรมวิธีที่เป็นที่ประจักษ์โดยง่ายแก่บุคคลที่มีความชำนาญในระดับสามัญสำหรับการคิดค้นกรรมวิธีในการสร้างสารกฤษณาอันถือไม่ได้ว่าเป็นกรรมวิธีที่มีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18329/2557 ตามกฎหมายและมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 ม. 3, ม. 5
ผลของคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลฎีกายืนตามศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ให้ เพิกถอนสิทธิบัตรเลขที่…..
หมายเหตุ การปรับใช้บทกฎหมายขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงรายกรณีไป
อ้างอิง กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา ,ประมวลกฎหมาย และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ติอต่อ ⚖️
เพจ Facebook : บริษัทกฎหมายจักรพงษ กิมติน
เพจ Facebook : ทนายแพรว ดาวัลย์
www : chakphongklawfirm.com
📞 0949751151,0625432502